Please or Register to create posts and topics.

ตระกูลลี : ความรัก , ความศรัทธา และ ความขัดแย้งที่เปลี่ยนแปลงสิงคโปร์

อาจเป็นรูปภาพของ ถนน และ ข้อความ
มาฟังเรื่องนี้ เรื่องอื้อฉาว เร้าใจ และร้อนแรง ทอล์คออฟเดอะทาว์น วันนี้ที่ #สิงค์โปร์ ใน #ตระกูลลี ของลีกวนยู ที่คนทั้งชาติ รักและศรัทธามาตลอด ในช่วงชีวิตนึง
พี่ต้อย จะสรุปความร้าวฉานในตระกูลลี นาน9ปี ให้กระชับที่สุด
ปู่ของลีกวนยู เป็นจีนฮกเกี้ยน อพยพจากจีนมาที่เกาะสิงคโปร์ ลีกวนยู จึงเป็นจีนรุ่นที่3 ในสิงคโปร์
เกาะสิงคโปร์ เป็นอาณานิคมของอังกฤษ มาช้านาน และสิงคโปร์ตอนนั้นยังเป็นส่วนนึงรวมอยู่ในมาเลเซีย
ตอนลีกวนยู อายุ36 ปีพศ.2502 ลีกวนยู ได้ก่อตั้งกลุ่มพรรคการเมือง people’s action party หรือ PAP และเอาสิงค์โปร์-มาเลย์ ออกจากอาณานิคมของอังกฤษจนสำเร็จ
จน 6ปีต่อมา PAPไม่ลงรอยกับมาเลเซีย และปี 2508 ลีกวนยู นำพาเกาะสิงคโปร์ แยกออกจากมาเลเซีย มาเป็นประเทศสิงคโปร์
และเปลี่ยนแปลงอาณานิคมเก่า เกาะสิงค์โปร์ที่ด้อยค่า เพราะไม่มีทรัพยากรอะไรเลย
กลายเป็นชาติชั้นนำ โดยใช้เวลาเพียงแค่ #ชั่วอายุของลีกวนยู เท่านั้น ที่เป็นนายกฯคนแรกของชาติ น่าทึ่งมากๆ
ลีกวนยู เป็นนายกฯคนแรก และครองอำนาจยาวนานในสิงคโปร์ตั้งแต่ 2508-2533(25ปี)
นำพรรค PAP ชนะการเลือกตั้ง 8ครั้งรวด!
และจากนั้น ลีกวนยู ขอชะลออำนาจทางการเมืองของตนเองในวัย67ปี โดยสละตำแหน่งนายกฯ ให้นายกฯ โก๊ะจกตง! คนในพรรค PAP มาสืบทอดอำนาจในพรรค PAP ต่อจากตนเอง
โก๊ะจกตง เป็นนายกฯคนที่2 ของสิงคโปร์ นาน 14 ปี และสานต่อนโยบายของ ลีกวนยู อย่างต่อเนื่อง โดยได้เชิญ ลีกวนยู เข้ามาเป็นรัฐมนตรีและที่ปรึกษานายกฯ
สิงคโปร์จึงเจริญรุ่งเรืองอย่างไร้รอยต่อตามนโยบายของพรรค PAP
ที่ PAP ผูกขาดการเป็นรัฐบาล มานานถึง 50 กว่าปี
ตอน โก๊ะจกตง อายุ49 ขึ้นเป็นนายกฯคนที่2 ตอนนั้นลูกชายคนโตของลีกวนยู คือ #ลีเซียนลุง ตอนนั้นอายุ 37 ปี (เท่าคุณแพเมืองกาญจน์ในวันนี้)
ประสบการณ์ทางการเมืองลีเซียนลุง ยังน้อย! จึงรอไปก่อน!
จนหลังจาก โก๊ะจกตง ครองอำนาจมา 14 ปี จึงผลัดเปลี่ยนมือไปให้ทายาทลูกชาย ลีกวนยู คือ ลีเซียนลุง เป็นนายกฯสิงคโปร์คนที่3 ซึ่งตอนนั้นอายุ52 
และ ลีเซียนลุง ครองอำนาจเป็นนายกฯ นานถึง 20 ปี เพิ่งสิ้นสุดอำนาจเมื่อกลางปี2567 ที่ผ่านมา
นายกฯ คนที่4 คนใหม่ คือนายลอเรนซ์ หว่อง ก็มาจากพรรคเดิมคือ PAP เป็นรัฐมนตรีรัฐบาลที่แล้ว 5กระทรวง และหลังสุด เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคลัง
และเพิ่งรับตำแหน่งเป็นนายกฯ ได้5เดือน
ที่เพิ่งมาเยือนไทย และจับมือกับคุณแพเมืองกาญจน์ สัปดาห์ที่แล้ว
นายกฯหว่อง เนี่ยไปไหน ก็ชอบบิน scoot air สายการบินประหยัดแห่งชาติ ตอนมาไทย สัปดาห์ที่แล้ว
ยังบินมาแบบ เช้า และ เย็นบินกลับ
เช้า จับมือ คุณแพเมืองกาญจน์
เย็น จับพระหัตถ์ในหลวง และกลับเลย!
ยังบอกอีกว่า เสียดาย!ที่ไม่มีเวลา จนไม่เจอหมูเด้ง!555
เข้าเรื่องเลยนะ! ลีกวนยู มีลูก 3 คน
๏ลูกชายคนโต ลีเซียนลุง นายกฯคนที่แล้ว
๏ลูกสาวคนกลาง #ลีเว่ยหลิง
๏ลูกชายคนเล็ก #ลีเซียนหยาง
เรื่องที่ทำให้ตระกูลแห่งชาตินี้ แตกแยกกัน! เกิดขึ้นดังนี้
มีบ้านคฤหาสน์ทรงยุโรปโคโลเนี่ยล หลังนึง กลางกรุงสิงคโปร์ ที่สร้างเมื่อคศ.1900 ตรงกับสมัยรัชกาลที่5 โดยกลุ่มอำนาจอังกฤษ ยุคล่าอาณานิคมสร้างไว้ เป็นบ้าน2ชั้นขนาด8ห้องนอน ใหญ่โตมาก
บ้านหลังนี้เปลี่ยนมือมาหลายยุคหลายสมัย!
จนช่วง 2500 ตกมาอยู่ในมือของ ลีกวนยู
และเคยใช้บ้านหลังนี้ ในห้องอาหารของบ้านเป็นที่ริเริ่ม ทำการก่อตั้งพรรค PAP
จนกลายมาเป็นการสร้างชาติสิงคโปร์จนถึงทุกวันนี้
คนสิงคโปร์ ทั้งชาติ จะรู้จักบ้านหลังนี้ ในนามเรียกขานว่า “ #บ้านเลขที่38ถนนอ็อกเล่ย์
ปัญหาที่เกิดขึ้น! มันเป็นอย่างนี้!
(((ลีกวนยู มีความคิดที่ก้าวหน้า! และล้ำหน้าในอนาคต ไม่เหมือนใคร? และผิดแผกจากคนทั้งโลก!)))
เขาพูดเสมอ ตอนยังมีชีวิตและแข็งแรงดี จนออกข่าวมาว่า
“ถ้าเค้าไม่อยู่แล้ว!(ตาย) เค้าอยากจะทุบบ้านหลังนี้ทิ้ง!”
เขาอธิบายเหตุผลนี้ว่า ไม่อยากให้บ้านหลังนี้เป็น symbol สัญลักษณ์ หรือลัทธิบูชาตัวบุคคล บูชาสกุลชาติตระกูลลี ของตนเอง
อยากให้คนสิงคโปร์ ยุคหลังจากนี้
ยึดมั่นในสิ่งที่ตนเองทำเท่านั้น! ไม่ใช่ยึดมั่นในชาติตระกูลตนเอง ทำ!
หรือยึดมั่นในอนุสาวรีย์หิน ที่สร้างให้ตนเอง หรือ บ้านเลขที่38 ถ.อ็อกเล่ย์ หลังนี้
และไม่ควรมีอนุสาวรีย์อะไรในตัวเขา ให้ผู้คนยึดมั่น หรือบูชาตระกูลลี หลังจากเขาไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว
เพราะทำแบบนั้น มันจะกลายเป็น #อำนาจนำ ของตระกูลลี
เคส : ชินวัตร , มาร์คอส , ฮุนเซน , ดูแตร์เต้ #น่าจะวนอยู่ในหัวของลีกวนยู
เหตุผลประกอบเพิ่มเติม ก็คือ
ไม่อยากให้บ้านที่สงบ ที่พักอาศัยของทายาทตนเอง กลายเป็นแหล่งสถานที่ท่องเที่ยว
เพราะมันจะกลายเป็นการรบกวน คนในบ้าน หากมีทายาทอาศัยอยู่ต่อ!
เจตจำนงนี้ชาวสิงคโปร์ รับทราบดีในการให้สัมภาษณ์ของลีกวนยู
เพราะเป็นข่าวมาตั้งแต่ ลีกวนยู ยังไม่ถึงแก่กรรม!
และลีกวนยู ให้สัมภาษณ์พูดในเรื่องทุบบ้านทิ้งนี้ ก็เป็นช่วงที่ลูกชายคนโตของตนเอง ลีเซียนลุง ครองอำนาจเป็นนายกฯ ของสิงคโปร์อยู่!
คนในชาติ ก็เคารพการตัดสินใจของแก
แม้จะมีความเสียดายอยู่ภายในใจ!
ทางลูกชายคนโต นายกฯ ลีเซียนลุง ก็ดูไม่ค่อยเห็นด้วยกับพ่อลีกวนยู ในสิ่งนี้!
จนรัฐบาลลีเซียนลุง ใช้กรรมาธิการในสภาของสิงคโปร์เข้ามาแทรกแซงเล็กๆ แบบว่าเสนอทางเลือกทางอื่นบ้างหลายข้อในการตัดสินใจ แทนการทุบบ้านเลขที่38 ของลีกวนยู ผู้พ่อนี้ทิ้ง!
จนผู้เป็นพ่อ ลีกวนยู ก็เกิดความลังเลอ่อนไหวไปตามกระแสการเสนอทางเลือก
ถึงขั้น ให้ทนายตระกูล แก้ไขพินัยกรรมที่เกี่ยวกับบ้านด้วย ทั้งหมด7ครั้ง
จนต่อมาเมื่อปี 2558 นายลีกวนยู #ถึงแก่กรรมด้วยโรคปอดบวม จึงมีการเปิดพินัยกรรมฉบับสุดท้ายฉบับที่7
พินัยกรรมฉบับนี้! ลีกวนยู ตัดสินใจ #สั่งให้ทุบบ้านเลขที่38หลังนี้ทิ้ง!
ทายาทตอนนั้น คือ บุตร3คน
๏ลีเซียนลุง(นายกฯ)๏นางลีเหว่ยหลิง ๏นายลีเซียนหยาง
ก็บอกว่า “ #คงต้องทำตามที่พ่อสั่ง
แต่ต่อมา พี่ชายคนโต นายกฯลีเซียนลุง โต้แย้งและมีข้อสงสัยในการทำพินัยกรรม ว่า มีความเคลือบแคลง ซ่อนเร้น!
ลีเซียนลุง บอกว่า ที่คุยกับพ่อก่อนเสียชีวิต พ่อเองก็ยังบอกว่า จะไม่ทุบบ้าน! แต่พอเปิดเอกสารมา กลับกลายเป็น สั่งให้ทุบบ้าน!
ที่ความเคลือบแคลง มามีน้ำหนัก
ก็เพราะว่าพินัยกรรมฉบับสุดท้าย มีการเปลี่ยนแปลงทนายประจำตระกูลเก่าแก่ ให้เป็นทนายคนใหม่!
ทนายคนนี้! กลับกลายเป็น #นางลีเซียตเฟิน #ซึ่งเป็นภรรยาของน้องชายคนเล็ก ของลีเซียนลุง #คือนายลีเซียนหยาง
ตอน ลีกวนยู ลงนามในพินัยกรรม จึงต้องมีพยานบุคคล 2 คนอยู่ด้วยในขณะลงนาม
นางลีเซียตเฟิน น้องสะใภ้ เกรงข้อครหานินทา! จึงให้ลูกน้องทางสำนักงานทนายตนเอง 2คน มาเป็นพยานในตอนนั้น!
นายก ลีเซียนลุง ในฐานะทายาทร่วม จึงขอใช้อำนาจศาลในการตรวจเอกสารว่ามีการแก้ไข หรือทำไม่ถูกต้องหรือเปล่า? และเป็นการหลอกล่อให้พ่อเซ็นเอกสาร ช่วงป่วยหนัก นอนอยู่โรงพยาบาลหรือเปล่า?
ศาลฯ ตรวจเรียบร้อยแล้ว
บอกว่าเอกสารทุกอย่างถูกต้อง!
เรื่องนี้เป็นเหตุให้พี่น้อง3คนในตระกูล ทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่ก็ปิดเงียบไม่ได้ จนมีข่าวเล็ดลอดออกมา!
ลีเซียนลุง สวมหมวก นายกฯ อยู่ด้วย! จนเรื่องนี้ค่อนข้างสะเทือนบัลลังค์อำนาจของตนเองในรัฐบาลสิงคโปร์ และเป็นขี้ปากชาวบ้าน
จนลีเซียนลุง หาทางออกเรื่องนี้ได้ #โดยเสนอข้อยุตินี้ ว่า
ตนเอง! จะไม่ยุ่งกับบ้านหลังนี้อีกต่อไป และเสนอขอส่วนแบ่ง 1ใน3 ตามสิทธิ ที่ตัวเองมีสิทธิ์
โดยขายสิทธิ ให้กับน้องชายตนเอง ที่พิพาทกัน คือ ลีเซียนหยาง
และขอนำเงินที่ได้จากการแบ่งส่วนของทรัพย์มรดกนี้! บริจาคต่อสาธารณะกุศลทั้งหมด ทันที
#เรื่องดูเหมือนจะจบดราม่าแต่กลับไม่จบ
#และกลายเป็นระเบิดก้อนต่อไป
เพราะน้องสาว + น้องชาย นายกฯ คือ นางลีเว่ยหลิง และ นายลีเซียนหยาง ออกหนังสือแถลงการณ์เปิดผนึก 6 หน้า ให้คนอ่านทั้งประเทศ
โจมตีพี่ชายคนโตคือนายกฯ ลีเซียนลุง!
ว่ามีแผนจะครอบครองอำนาจทางการเมือง สืบต่อไปทางทายาท โดยใช้บ้านเลขที่38หลังนี้
เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลในการเกี่ยวอำนาจส่งต่อทายาทในตระกูล
เป็นการฝืนเจตนารมย์ของคุณพ่อ ที่ไม่อยากให้บ้านหลังนี้เป็น symbol หรือสัญลักษณ์ของตระกูลลี ให้ทายาทของพี่ชาย เก็บเกี่ยวอำนาจสืบต่อ โดยให้คนในชาติ บูชาตระกูล บูชาสัญญลักษณ์
ตามที่ ลีกวนยู ผู้พ่อเคยประกาศเอาไว้ ที่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย!
แถลงการณ์ 6 หน้านี้พอเปิดออกมา
ทั้งสิงคโปร์ร้อนฉ่า! องศาเดือด! ทั้งเกาะ
นายกฯ ลีเซียนลุง รีบออกมาตอบโต้ ปฏิเสธทันที อย่างรวดเร็ว! และอย่างรุนแรง! บอกว่า น่าอับอายมาก ที่น้องชายทำแบบนี้!
เรื่องนี้ยังยืดเยื้อมาอีกยาวนาน และบ้านเลขที่38 ก็ยังไม่ได้ถูกทุบทิ้ง ตามคำสั่งของพินัยกรรม
เพราะนายกฯ ลีเซียนลุง อาศัยอำนาจตนเองในรัฐบาล ตั้งคณะกรรมาธิการเข้ามาแทรกแซงทีละเล็ก ทีละน้อย เพื่อประวิงเวลา การทุบบ้าน ไปเรื่อยๆ
จนการเลือกตั้งปี 2020 เมื่อ 4ปีที่แล้ว!
นาย ลีเซียนหยาง น้องชายนายกฯลีเซียนลุง สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคก้าวหน้า progressive singapore party ชื่อเหมือนพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคตรงข้ามพี่ชายนายกฯ และเป็นฝ่ายค้าน
ที่ตรงข้ามกับพรรคอนุรักษ์นิยมแบบพรรค PAP ของผู้พ่อ! ที่มีความเป็นเผด็จการทางความคิด ยาวนาน50กว่าปี
ผลการเลือกตั้ง 2020 พรรค PAP ได้ 86ที่นั่ง จาก89ที่นั่ง
พรรค PAP ชนะเด็ดขาด ขาดลอย มาแบบนี้ทุกสมัย
รัฐบาล ลีเซียนลุง เล่นงานน้องสะใภ้ตนเองกลับ คืองาน นางลีเซียตเฟิน เมียของน้องชายตนเอง
โดยอัยการก็ส่งฟ้อง ข้อหาความผิด คือ ชี้นำนายลีกวนยู ผู้ป่วย ผู้ลงนามในพินัยกรรม และมีหมายจากตำรวจ ให้มามอบตัว!
จนต่อมา ทั้งน้องชาย น้องสะใภ้ คือ นายลีเซียนหยาง และ นางลีเซียตเฟิน #หลบหนีออกไปนอกประเทศ
และ 2 คน #ไปยื่นขอลี้ภัยการเมืองกับประเทศอังกฤษ
ด้วยเหตุผล ตนเองถูกคุกคามทางการเมืองอย่างหนัก
ยังไม่จบ! นายลีเซียนหยาง และ นางลีเซียตเฟิน มีลูกชาย 1 คน คือ #นายลีเฉินหวู่
ซึ่ง วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินของศาลฯ อย่างรุนแรง จนมีความผิด และ ถูกหมายจับ! #ข้อหาหมิ่นศาลฯ
ต่อมาลูกชายคือนายลีเฉินหวู่ ก็ขอลี้ภัยไปอยู่ที่สหรัฐ
และตอนนี้เรียนอยู่ที่ Havard University ชื่อดัง!
รัฐบาลสิงคโปร์ ของนายลีเซียนลุง ก็ บอก 2ผัวเมียและลูกชาย ว่า กระบวนการทุกอย่างเรื่องนี้ โปร่งใส ถูกต้องแล้ว
และยืนยันให้น้องชาย น้องสะใภ้ และหลานชาย
กลับมาสิงคโปร์ได้ ทุกอย่างจะปลอดภัย ไม่มีอันตราย
หากกลับมา จะพิจารณาความผิดทุกอย่างให้อย่างโปร่งใสอีกครั้ง!
ขณะเดียวกัน กรรมาธิการของสภาสิงคโปร์ ภายใต้อำนาจของ นายกฯลีเซียนลุง ที่กรรมาธิการฯ พยายามทุกอย่าง ไม่ให้ทุบบ้านหลังนี้!
เคยมีการทำข้อตกลงครั้งเก่า ปี2011 ตอนลีกวนยูยังอยู่
ที่ระบุว่าบ้านเลขที่ 38 นี้ จะเป็นมรดกของชาติ ที่มีความเป็นมาที่สำคัญ และจะต้องอนุรักษ์เอาไว้
ประกอบกับในพินัยกรรมฉบับที่7
มีข้อนึง ระบุต่อท้ายว่า
หากไม่สามารถทุบบ้านทิ้งได้ #ให้ปิดบ้านเอาไว้
#ห้ามใครเข้ามา หรือ #ห้ามทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
คณะกรรมาธิการ ยังเคยทำทางเลือกให้ตัดสินใจเกี่ยวกับบ้านเลขที่ 38 นี้ 3 ข้อ
- เก็บบ้านหลังนี้ และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติ
- ทุบทิ้ง
- ทุบทิ้งแค่บางส่วน! ในส่วนที่พักอาศัยและห้องประชุมเดิม
กลับมาที่ลูกสาวคนที่2 คนกลางของลีกวนยู คือ นางลีเว่ยหลิง
ตั้งแต่บิดา ลีกวนยู ถึงแก่กรรม! และเกิดเหตุบาดหมางทางพินัยกรรม ที่ทายาทเกิดความเห็นต่างในคำสั่งของบิดาเรื่องทุบบ้านทิ้ง
ก็มีระบุในพินัยกรรมอีกว่า
หากไม่สามารถทุบบ้านทิ้งได้ ให้สิทธิ์การพักอาศัยของลูกสาว ลีเว่ยหลิง อยู่พักอาศัยได้จนกว่าจะถึงแก่กรรม
นางจึงอยู่อาศัยในบ้านเลขที่ 38 นี้ หลังบิดา ลีกวนยูตายแล้ว นานถึง 9 ปี
#และจู่ๆนางก็ถึงแก่กรรมเมื่อเดือนที่แล้ว!
เท่ากับ สิทธิ์/กรรมสิทธิ์ของเจ้าของบ้าน
ตกไปอยู่ที่ นายลีเซินหยาง #แต่เพียงผู้เดียว
นายลีเซินหยาง จึงทำเอกสารข้ามประเทศ จากอังกฤษ ที่ตนเองลี้ภัย แสดงความประสงค์ให้รีบทุบบ้านเลขที่38 นี้ทิ้งทันที!
แต่ดูท่าทางแล้ว! ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เพราะทางรัฐบาลใหม่ของนายลอเรนซ์ หว่อง แห่งพรรค PAP ที่พรรคPAP ก่อตั้งโดยนายลีกวนยู และ นายลีเซียนลุง บุตรชาย ก็ยังมีชีวิตอยู่ และยังมีรังสีและเงาอำนาจ บดบังอยู่
รัฐบาลหว่อง! จึงยังเพิกเฉย ต่อการทุบทิ้ง
เรื่องราวมหากาพย์นี้ เป็นจุดด่างพร้อย ของตระกูลลี มานานถึง 9 ปี นับจากวันที่ ลีกวนยู ถึงแก่กรรม! จนถึงวันนี้
คนสิงคโปร์ เคยเชิดชูตระกูลลี มาโดยตลอด
ก็มาถูกเปิดเผย ว่า
#ยังมีด้านมืดอีกด้านหนึ่งของตระกูลนี้
ที่ไม่ต่างจาก ปุถุชนทั่วไป
และถนัดการใช้วิธีกด+ปราบ ใช้อำนาจเผด็จการ กับคนเห็นต่าง ด้วยกลวิธีปิดปาก! และทำลายได้แม้กระทั่งคนในครอบครัว จนต้องลี้ภัยหนีไป
#ย่อเหตุการณ์9ปีตระกูลลีตระกูลแห่งชาติสิงค์โปร์ในโพสต์เดียว
ผิดพลาดประการใด ชี้แนะด้วยนะครับ
ขอบคุณเรื่องราวจาก the101world podcast!
ที่ยาว1ชั่วโมง แต่อาจารย์ต้อยบรีฟมาสั้นๆ
จะได้รู้จักสิงคโปร์อีกมุมนึง
และเสียดายบ้านสี่เสาเทเวศน์ที่เคยเป็นที่พัก จอมพลสฤษดิ์ และพลเอกเปรมฯ ที่สามารถมีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ ถูกทุบทิ้ง!
แปลงที่ดิน ที่สวยงามที่สุด มีราคา #และแพงที่สุดในสิงคโปร์ ตอนนี้!
คือสถานทูตไทยในสิงคโปร์ บนถนนออร์ชาด 11ไร่ใจกลางไข่แดงของสิงคโปร์ ตลอดบนถนนเส้นนี้เป็นศูนย์กลางของธุรกิจตลอดเส้นถนน
มีแค่ 2 แห่งที่ไม่ใช่! ภาคธุรกิจ!
คือ ๏ทำเนียบผู้นำสิงคโปร์ และ ๏สถานทูตไทย
เนื้อที่ 11 ไร่นี้ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในสิงคโปร์ ตาเป็นมัน! ในที่ดินแปลงนี้ ตลอดเวลา
30กว่าปีที่แล้ว มีนักลงทุนมาเสนอราคาที่ดินแปลงนี้ 26,000 ล้านบาท
#และไม่มีใครกล้าตัดสินใจ
เพราะที่ดินแปลง 11ไร่ นี้รัชกาลที่5 ทรงซื้อที่ดิน11ไร่มา สมัยพศ.2440 จากลูกเขยกัปตันบุช ตอนนั้น ร.5 เสด็จไปสิงคโปร์บ่อยมาก และทรงประทับพักที่บ้านเขยกัปตันบุช หลายครั้ง จนเขยกัปตันบุช ขายบ้านพร้อมที่11ไร่ ให้พระองค์ ราคาหลักหมื่นบาท ยุคนั้น 11ไร่ ตรงนี้ มีแต่สวนและไร่
สถาปัตยกรรม อาคารในยุคใหม่ ในยุคร.5
สยามประเทศมาศึกษาดูงานการสร้างที่สิงคโปร์นี้รวมถึงเทคโนโลยีการสร้างสะพาน จากอังกฤษ
เพื่อนำไอเดียกลับไปสร้างอาคารเอกชน ที่สยาม
ตึกแถวสยามในรุ่นแรก ที่ปัจจุบันยังเห็นอยู่ที่ติดถนนบำรุงเมือง ต้นแบบมาจากตึกแถว ของสิงคโปร์ครับ
<ภาพประกอบ ตึกแถวยุคร.5 ที่ยังอยู่ ถ.บำรุงเมือง>
๏จบครับผม๏
Credit : FB > Suvipan Pornawalai

 Copyright © 2023-2024 UFA7878.net All Rights Reserved. Sitemap

เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ฝาก-ถอน
ติดต่อเรา