Quote from ufabet on กุมภาพันธ์ 3, 2025, 3:56 am
ทรัมป์จะทำให้อเมริกานำเข้า "น้ำมัน" เพิ่มขึ้นโรงกลั่นยุโรปและเอเชียยิ้มหวาน
{กำแพงภาษี} ซับซ้อนกว่าที่คิด มีสิ่งที่ทรัมป์ต้องยอมแลก นั่นคือราคาหน้าปั๊ม เบนซิน&ดีเซล ในประเทศ แพงขึ้นแน่ๆ
(และทรัมป์เอง ก็มีวิธียั้งๆ ไว้หน่อยแล้ว)ต้องแยกแยะก่อนว่า โลกนี้มี น้ำมันดิบ crude oil กับ น้ำมันสุก refined product (หรือเรียกเพราะๆ ว่า น้ำมันสำเร็จรูป oil product)
โรงกลั่น refinery จะทำให้มันสุก โดยกลั่นแยกออกเป็นชั้นๆ ได้ เบนซิน ดีเซล น้ำมันเครื่องบิน/น้ำมันก๊าด น้ำมันเตา ฯลฯเห็นภาพใช่ไหม ต้นทุนแพง ผลิตภัณฑ์ก็ต้องแพง ตามกลไกธุรกิจ(เว้นแต่รัฐจะสั่งตรึง)อเมริกาไม่ได้นำเข้าน้ำมันสุกจากแคนาดาและเม็กซิโกก็จริง
แต่ ...ปัจจุบัน อเมริกานำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดา 4 ล้านบาร์เรล/วันนำเข้าน้ำมันดิบจากเม็กซิโก 0.45 ล้านบาร์เรล/วัน(*เยอะแค่ไหน เทียบง่ายๆ ดูงี้ ไทยใช้น้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน)น้ำมันไม่แพงขึ้น แต่ภาษีแพงขึ้นกำแพงภาษี 25% เมื่ออเมริกานำเข้าสินค้าทุกชนิดจากแคนาดาและเม็กซิโกเริ่มแล้ว 1 ก.พ. นี้!ทรัมป์ก็พยายามบรรเทาผลกระทบแล้วเพราะมียกเว้น กำแพงภาษีสำหรับน้ำมันจากแคนาดา เอาไป 10% พอ(ส่วนเม็กซิโกไม่เป็นไร นำเข้าไม่เยอะเท่า ก็โดน 25% ตามระเบียบ)แต่ 10% ก็ไม่ใชน้อยอยู่ดีแง่หนึ่ง โรงกลั่นเจอต้นทุนแพงขึ้น ก็ต้อง "ส่งผ่าน" ภาระไปให้ประชาชนคนเติมน้ำมัน --- ราคาขายปลีกเบนซิน&ดีเซลย่อมแพงขึ้น
(รัฐบาลอเมริกาไม่มี "กองทุนน้ำมัน" จ้ะ ไม่มีมาตรึงได้ ; และฉันใดก็ฉันนั้น ก็ไม่เคยมาเก็บเพิ่ม ทำให้ราคาหน้าปั๊มแพงขึ้นเหมือนกัน)อีกแง่ คือ โรงกลั่นถ้ากลั่นแล้วไม่คุ้ม ก็ไม่กลั่นเยอะ
บางทีคนไม่ได้เติมน้ำมันใช้กันมาก (ยิ่งช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ที่หิมะเต็มถนน เย็นยะเยือก ไม่เชิญชวนให้ออกนอกบ้านนัก --- แล้วเดี๋ยวเจอราคาแพงขึ้นอีก) ทำให้ราคาขายปลีกแพงขึ้นไม่เท่ากับที่ต้นทุน (จากภาษี) เพิ่มขึ้นไม่คุ้มมันเป็นเรื่องที่เรียกว่า arbitrage
ถ้านำเข้าเบนซิน&ดีเซล แล้วมันอาจจะคุ้มกว่า เพราะจากยุโรป จากเอเชีย ราคาน้ำมันที่นั่นไม่แพงเท่า หากหักลบค่าเรือขนส่งแล้ว ยังจะดีกว่ากลั่นเอง (จากต้นทุนภาษีที่แพงขึ้น)*คือ spread ระหว่างราคาที่อเมริกากับที่ยุโรป/เอเชีย มันกว้างพอ จะคลุมค่าเรือบรรทุกแล้วยังเหลือ margin พอ --- พอจะเหนือกว่า margin ที่โรงกลั่นในอเมริกากลั่นเอง(เมื่อก่อนอาจชนะยาก แต่พอเจอขึ้นภาษี จะยิ่งบีบ margin ที่โรงกลั่นอเมริกากลั่นเอง)เอ้า อาจแก้ง่ายกว่านั้น แบบนี้โรงกลั่นก็ไปหาน้ำมันดิบจากที่อื่นสิ ที่ไม่ใช่ของแคนาดา ไม่ใช่ของเม็กซิโก ก็ไม่โดนกำแพงภาษีโหดๆ แล้ว
ก็ทำนองเดียวกันแหละ ... คิด arbitrage แล้วมันไปไม่ได้เพราะแคนาดามันติดกับอเมริกา ต่อท่อถึงกัน ผ่านท่อก็ถูก แต่ถ้าที่อื่น เรือส่งมา ยังไงก็แพงกว่ามากหรือน้อย ขึ้นกับระยะทางอเมริกา ตอนนี้ นำเข้าน้ำมันดิบสุทธิ และ ส่งออกน้ำมันสุกสุทธิ
(สุทธิ คือ net ทั้งหมดแล้ว)เบนซินส่งออกสุทธิ ดีเซลก็ส่งออกสุทธิดีเซลจะสุทธิบาน --- หลักๆ ส่งออกไปยุโรปเยอะมากเบนซินนี่สุทธิแค่นิดๆ --- และทั่วไปก็เหลื่อมๆ สลับกันไปมา เดี๋ยวก็นำเข้ามาก เดี๋ยวก็ส่งออกมาก ขึ้นกับจังหวะ (ขึ้นกับ arbitrage economic)ทรัมป์กำลังจะทำให้ ช่วงนี้ อเมริกานำเข้าเบนซินสูงขึ้นๆ ๆ และก็จะเหลือดีเซลส่งออกน้อยลงๆ ๆ
ซึ่งก็จะเป็นโอกาสทองของโรงกลั่นทั้งในยุโรปรวมมาถึงเอเชียมันก็เป็นเรื่องของ trade flow แหละจ้ะมีได้มีเสียบางอย่างที่ทรัมป์ทำ ก็เอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจชาวโลกได้เหมือนกัน
Copyright © 2023-2024 UFA7878.net All Rights Reserved. Sitemap