Please or Register to create posts and topics.

ทรัมป์จะทำให้อเมริกานำเข้า "น้ำมัน" เพิ่มขึ้น

อาจเป็นรูปภาพของ 2 คน

ทรัมป์จะทำให้อเมริกานำเข้า "น้ำมัน" เพิ่มขึ้น🎉โรงกลั่นยุโรปและเอเชียยิ้มหวาน
🧨{กำแพงภาษี} ซับซ้อนกว่าที่คิด มีสิ่งที่ทรัมป์ต้องยอมแลก นั่นคือราคาหน้าปั๊ม เบนซิน&ดีเซล ในประเทศ แพงขึ้นแน่ๆ🔥🔥🔥
(และทรัมป์เอง ก็มีวิธียั้งๆ ไว้หน่อยแล้ว)
🧨ต้องแยกแยะก่อนว่า โลกนี้มี น้ำมันดิบ crude oil กับ น้ำมันสุก refined product (หรือเรียกเพราะๆ ว่า น้ำมันสำเร็จรูป oil product)
โรงกลั่น refinery จะทำให้มันสุก โดยกลั่นแยกออกเป็นชั้นๆ ได้ เบนซิน ดีเซล น้ำมันเครื่องบิน/น้ำมันก๊าด น้ำมันเตา ฯลฯ
เห็นภาพใช่ไหม ต้นทุนแพง ผลิตภัณฑ์ก็ต้องแพง ตามกลไกธุรกิจ
(เว้นแต่รัฐจะสั่งตรึง)
🧨อเมริกาไม่ได้นำเข้าน้ำมันสุกจากแคนาดาและเม็กซิโกก็จริง
แต่ ...
ปัจจุบัน อเมริกานำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดา 4 ล้านบาร์เรล/วัน
นำเข้าน้ำมันดิบจากเม็กซิโก 0.45 ล้านบาร์เรล/วัน
(*เยอะแค่ไหน เทียบง่ายๆ ดูงี้ ไทยใช้น้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วัน)
น้ำมันไม่แพงขึ้น แต่ภาษีแพงขึ้น
กำแพงภาษี 25% เมื่ออเมริกานำเข้าสินค้าทุกชนิดจากแคนาดาและเม็กซิโก
เริ่มแล้ว 1 ก.พ. นี้!
ทรัมป์ก็พยายามบรรเทาผลกระทบแล้ว
เพราะมียกเว้น กำแพงภาษีสำหรับน้ำมันจากแคนาดา เอาไป 10% พอ
(ส่วนเม็กซิโกไม่เป็นไร นำเข้าไม่เยอะเท่า ก็โดน 25% ตามระเบียบ)
แต่ 10% ก็ไม่ใชน้อยอยู่ดี
🧨แง่หนึ่ง โรงกลั่นเจอต้นทุนแพงขึ้น ก็ต้อง "ส่งผ่าน" ภาระไปให้ประชาชนคนเติมน้ำมัน --- ราคาขายปลีกเบนซิน&ดีเซลย่อมแพงขึ้น
(รัฐบาลอเมริกาไม่มี "กองทุนน้ำมัน" จ้ะ ไม่มีมาตรึงได้ ; และฉันใดก็ฉันนั้น ก็ไม่เคยมาเก็บเพิ่ม ทำให้ราคาหน้าปั๊มแพงขึ้นเหมือนกัน)
🧨อีกแง่ คือ โรงกลั่นถ้ากลั่นแล้วไม่คุ้ม ก็ไม่กลั่นเยอะ
บางทีคนไม่ได้เติมน้ำมันใช้กันมาก (ยิ่งช่วงฤดูหนาวแบบนี้ ที่หิมะเต็มถนน เย็นยะเยือก ไม่เชิญชวนให้ออกนอกบ้านนัก --- แล้วเดี๋ยวเจอราคาแพงขึ้นอีก) ทำให้ราคาขายปลีกแพงขึ้นไม่เท่ากับที่ต้นทุน (จากภาษี) เพิ่มขึ้น
ไม่คุ้ม
🧨มันเป็นเรื่องที่เรียกว่า arbitrage
ถ้านำเข้าเบนซิน&ดีเซล แล้วมันอาจจะคุ้มกว่า เพราะจากยุโรป จากเอเชีย ราคาน้ำมันที่นั่นไม่แพงเท่า หากหักลบค่าเรือขนส่งแล้ว ยังจะดีกว่ากลั่นเอง (จากต้นทุนภาษีที่แพงขึ้น)
*คือ spread ระหว่างราคาที่อเมริกากับที่ยุโรป/เอเชีย มันกว้างพอ จะคลุมค่าเรือบรรทุกแล้วยังเหลือ margin พอ --- พอจะเหนือกว่า margin ที่โรงกลั่นในอเมริกากลั่นเอง
(เมื่อก่อนอาจชนะยาก แต่พอเจอขึ้นภาษี จะยิ่งบีบ margin ที่โรงกลั่นอเมริกากลั่นเอง)
🧨เอ้า อาจแก้ง่ายกว่านั้น แบบนี้โรงกลั่นก็ไปหาน้ำมันดิบจากที่อื่นสิ ที่ไม่ใช่ของแคนาดา ไม่ใช่ของเม็กซิโก ก็ไม่โดนกำแพงภาษีโหดๆ แล้ว
ก็ทำนองเดียวกันแหละ ... คิด arbitrage แล้วมันไปไม่ได้
เพราะแคนาดามันติดกับอเมริกา ต่อท่อถึงกัน ผ่านท่อก็ถูก แต่ถ้าที่อื่น เรือส่งมา ยังไงก็แพงกว่า
มากหรือน้อย ขึ้นกับระยะทาง
🧨อเมริกา ตอนนี้ นำเข้าน้ำมันดิบสุทธิ และ ส่งออกน้ำมันสุกสุทธิ
(สุทธิ คือ net ทั้งหมดแล้ว)
เบนซินส่งออกสุทธิ ดีเซลก็ส่งออกสุทธิ
ดีเซลจะสุทธิบาน --- หลักๆ ส่งออกไปยุโรปเยอะมาก
เบนซินนี่สุทธิแค่นิดๆ --- และทั่วไปก็เหลื่อมๆ สลับกันไปมา เดี๋ยวก็นำเข้ามาก เดี๋ยวก็ส่งออกมาก ขึ้นกับจังหวะ (ขึ้นกับ arbitrage economic)
🧨ทรัมป์กำลังจะทำให้ ช่วงนี้ อเมริกานำเข้าเบนซินสูงขึ้นๆ ๆ และก็จะเหลือดีเซลส่งออกน้อยลงๆ ๆ
ซึ่งก็จะเป็นโอกาสทองของโรงกลั่นทั้งในยุโรปรวมมาถึงเอเชีย
มันก็เป็นเรื่องของ trade flow แหละจ้ะ
มีได้มีเสีย
บางอย่างที่ทรัมป์ทำ ก็เอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจชาวโลกได้เหมือนกัน

 Copyright © 2023-2024 UFA7878.net All Rights Reserved. Sitemap

เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ฝาก-ถอน
ติดต่อเรา