Please or Register to create posts and topics.

รถ F1 Safety Car วิ่งเร็วได้แค่ไหน ?

บทบาทหลักสำคัญของ Safety Car ในการแข่งขัน Formula 1 ก็คือ การออกวิ่งนำรถแข่งเพื่อจำกัดความเร็วในช่วงสัญญาณธงเหลืองจากเหตุการณ์อุบัติเหตุระหว่างแข่งขัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์ความเรียบร้อยบนแทรคไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนเศษซากรถที่แตกกระจัดกระจายหรือรถที่แข่งขันต่อไม่ได้แล้วขวางเส้นทางอยู่ ซึ่งการวิ่งนำหน้ารถ F1 ภายใต้สัญญาณธงเหลือง Safety Car จะต้องใช้ความเร็วตามที่ผู้จัดการแข่งขันกำหนดไว้เท่านั้น นั่นเลยทำให้แม้รถจะมีสมรรถนะสูงเพียงใดแต่จุดประสงค์หลักของ Safety Car ไม่ได้เอามาเพื่อวิ่งเต็มสมรรถนะแต่ใช้วิ่งควบคุมความเร็วรถแข่ง F1 ในช่วงเวลาแข่งขันเและตรวจสอบสภาพแทรคช่วงก่อนแข่งขัน
.
อย่างไรก็ตาม F1 Safety Car ก็ไม่สามารถวิ่งช้าจนเกินไปได้ในช่วงสัญญาณธงเหลือง ยังจำเป็นต้องใช้ความเร็วอยู่พอประมาณเพื่อให้รถ F1 ยังทำความเร็วได้ในระดับหนึ่งเพื่อการรักษาอุณหภูมิยางไว้ โดยขณะที่ Safety Car วิ่งนำหน้า F1 จะใช้ความเร็วอยู่ในช่วงระหว่าง 140 - 180 km/h ส่วนทางตรงยาวในบางสนามอาจใช้ความเร็วได้เกิน 220 km/h ทำให้การวิ่งตามหลัง Safety Car ของ F1 หนึ่งรอบจะใช้เวลานานกว่าปกติประมาณ 60% แต่ก็ยังถือเป็นความเร็วพอๆ กับการแข่งขันในรถแข่งประเภท Stock Touring
.
คลิปความเร็ว Safety Car ขณะวิ่งนำรถแข่ง F1 ในช่วงสัญญาณธงเหลือง
.
ส่วนหากเป็นสัญญาณธงแดงที่เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงในสนามความเร็วรถแข่งจะถูกลดลงเหลือแค่เพียง 80 km/h เท่านั้น ทำให้ Safety Car ที่วิ่งนำขบวนก็แทบจะคลานกันเลยทีเดียว เพราะเป็นความเร็วที่ต่ำมากๆ
.
นอกจากนี้ Safety Car ยังออกวิ่งสำรวจสภาพแทรคก่อนเริ่มแข่งขัน หรือในสถานการณ์สภาพอากาศฝนตกหนักเพื่อตรวจเช็คว่าสามารถแข่งขันได้หรือไม่หรือต้องเลื่อนเวลาสตาร์ทเรซออกไป นั่นจึงทำให้ Safety Car มีโอกาสน้อยมากที่จะวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ตามสมรรถนะที่แท้จริงบนแทรคแข่งขัน นอกเสียจากจะมีการ Test Drive ทดสอบสมรรถนะรถ F1 Safety Car โดยตรง
.
คลิปทดสอบเวลา Hot Lap ของ F1 Safety Car ที่สนามบาห์เรนปี 2021
.
และจากประเด็นนี้เองจึงทำให้แฟน F1 เกิดข้อสงสัยว่ารถ Safety Car ที่เราเห็นในการแข่งขันทุกสนามนั้นมีสมรรถนะแค่ไหนและสามารถทำความเร็วได้สูงสุดเท่าไหร่
.
จากข้อมูล Website : f1mix รถ F1 Safety Car สามารถทำความเร็วสูงสุดเฉลี่ยที่ราว 319 km/h โดย Mercedes-AMG GT Black Series ทำ Top Speed ที่ 325 km/h และมีอัตราเร่ง 0 - 100 km/h ที่ 3.2 วินาที ขณะที่ Aston Martin V8 Vantage ทำ Top Speed ได้ 314 km/h และอัตราเร่ง 0 - 100 km/h ที่ 3.5 วินาที ซึ่งทั้งตัวเลข Top Speed และอัตราเร่งที่ Safety Car ทั้งสองทำได้นั้นเป็นสมรรถนะที่เทียบเท่ากับรถแข่ง GT3 เลยทีเดียว ซึ่งเราแทบไม่มีโอกาสได้เห็นความเร็วนี้ในช่วงการถ่ายทอดสดได้เลย นอกเสียจากมีการทดสอบพิเศษนอกการถ่ายทอดสดอย่าง F1 Safey Car Hot Lap (การทดสอบความเร็วหนึ่งรอบสนาม) หรือการวิ่งทดสอบสภาพแทรคโดยรถ F1 Safety Car จะใช้การขับเน้นสมรรถนะประมาณหนึ่ง ไม่ได้ขับเต็มสมรรถนะแบบการขับ Hot Lap
.
คลิปการวิ่งทดสอบแทรคของ F1 Safety Car สนาม Zandvoort ประเทศเนเธอร์แลนด์
.
(**คนขับรถ F1 Safety Car คือนักขับ Safety Car รุ่นเก๋าชาวเยอรมัน วัย 53 ปี “Bernd Maylander” ซึ่งทำหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2000 และมีโอกาสขับนำรถแข่ง F1 มากกว่า 700 รอบ)
.
F1 Safety Car เป็นสเปคจากโรงงานหรือมีการโมดิฟายเพิ่มสมรรถนะ ?
.
จริงๆ แล้วสเปครถ F1 Safety Car ถือว่ามีความโหดในระดับพวก Supercar ที่เป็น icon อยู่แล้ว ฉะนั้นขุมกำลังจึงไม่ได้รับการโมดิฟายเพิ่มแต่อย่างใด โดย Mercedes-AMG GT Black Series ใช้เครื่องยนต์ 4.0L V8 biturbo ที่มีกำลังถึง 730 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตัน เมตร กับน้ำหนักตัว 1,615 kg และ Aston Martin V8 Vantage กับเครื่องยนต์ 4.0L V8 twin-turbo กำลัง 528 แรงม้า แรงบิด 685 นิวตัวเมตร กับน้ำหนักตัว 1,705 kg ซึ่งถือว่ากำลังเหลือเฟือ แต่จะมีการปรับปรุงเฉพาะด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ Safety Car อย่างตัวสปอยเลอร์ขนาดใหญ่และช่องระบายอากาศหลายจุด พร้อมจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ได้รับการปรับเปลี่ยนแบบเฉพาะเพื่อให้สามารถควบคุมบนแทรคแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น โดย F1 Safety Car จะสร้างแรงกดได้ถึง 400 กิโลกรัม (880 ปอนด์) ที่ความเร็วสูง ซึ่งช่วยให้มันเข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนและพวงมาลัยยังได้รับการอัปเกรดเพิ่มขึ้นมาจากเวอร์ชั่นโรงงาน ทำให้ควบคุมรถบนสนามแข่งได้ง่ายขึ้น
.
จึงกล่าวได้ว่า F1 Safety Car คือรถที่ถูกสร้างมาให้แรงและเร็วพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมบนแทรคแข่งขัน แต่ว่าสามารถแสดงสมรรถนะตัวเองได้เพียงประมาณ 60% เท่านั้นในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ส่วนในการวิ่งทดสอบสภาพแทรคก่อนเริ่มแข่งขันจะใช้สมรรถนะที่ 70 - 80% และจะสามารถใช้สมรรถนะเต็มร้อยได้ก็ต้องเมื่อเป็นการตั้งใจทดสอบความเร็วช่วงนอกเวลาการถ่ายทอดสด ซึ่งเราผู้ชมอย่างเราๆ ก็ต้องไปตามหาคลิปดูกันเอง
.
Aston Martin Vantage F1 Safety Car in action at Bahrain
.
ตำแหน่ง F1 Safety นั้นต่างเป็นที่หมายปองของบรรดาแบรนด์ยักษ์ชั้นนำของโลก เพราะการที่รถสปอร์ตหรือซุปเปอร์คาร์แบรนด์นั้นๆ ได้เป็นรถ Safety Car ประจำการแข่งขันรายการใหญ่ๆ ระดับสากล มันสามารถช่วยสร้างการจดจำผ่านสื่อต่างๆ ได้ค่อนข้างเยอะและเห็นผลมากๆ ซึ่งคนดูจะจำได้ว่าเป็นรถของค่ายใด รุ่นอะไร เพราะ Safety Car เปรียบเสมือนกับผู้ควบคุมกติกาในสนามแข่งจึงทำให้ดูโด่ดเด่น มีอำนาจ และมีความขลังค์อยู่ในตัวแม้ไม่ต้องโชว์สมรรถนะวิ่งที่เต็มพิกัด เพราะแค่วิ่งช้าๆ นำขบวนรถแข่ง F1 ผ่านการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกก็ดูเท่สุดๆ แล้ว!! ซึ่งแบรนด์รถยนต์ที่ได้เป็น Safety Car ของรายการ F1 ก็มักเป็นแบรนด์ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของรายการแข่งขันด้วยอย่าง Mercedes และ Aston Martin ที่พวกเขาจะไม่รีรอส่งรถ Supercar ดังๆ ในรุ่นที่มีชื่อเสียงของตัวเองซึ่งเน้นการทำตลาดมาเป็น Safety Car ประจำรายการ
.
สรุปช่วงท้ายคือ F1 Safety Car ในปัจจุบันมีอัตราเร่ง 0 - 100 km/h เฉลี่ยที่ 3.3 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดเฉลี่ยที่ 319 km/h ซึ่งเราแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็น F1 Safety Car แสดงสมรรถนะการวิ่งเต็มรูปแบบในช่วงการแข่งขันเนื่องจากต้องทำหน้าที่รักษา Limit ความเร็วให้รถแข่ง F1 ตามสถานการณ์ต่างๆ มันจึงกลายเป็นรถที่ถูกสร้างมาให้เร็ว แต่ต้องไปคุมความเร็วรถแข่ง สุดท้ายจึงขับเร็วไม่ได้ตามสมรรถนะที่มี นอกเสียจากมีการขับ Hot Lap เองในเวลานอกการแข่งขันถึงจะวิ่งเต็มสมรรถนะได้นั่นเองครับ
.
และทั้งหมดก็คือ อีกหนึ่งสาระในวงการ F1 ที่แอดมินนำมาแชร์เพื่อนๆ ในวันนี้ พบกันใหม่บทความหน้าครับผม

 Copyright © 2023-2024 UFA7878.net All Rights Reserved. Sitemap

เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ฝาก-ถอน
ติดต่อเรา