Quote from ufabet on พฤศจิกายน 12, 2024, 9:43 amบทบาทหลักสำคัญของ Safety Car ในการแข่งขัน Formula 1 ก็คือ การออกวิ่งนำรถแข่งเพื่อจำกัดความเร็วในช่วงสัญญาณธงเหลืองจากเหตุการณ์อุบัติเหตุระหว่างแข่งขัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์ความเรียบร้อยบนแทรคไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนเศษซากรถที่แตกกระจัดกระจายหรือรถที่แข่งขันต่อไม่ได้แล้วขวางเส้นทางอยู่ ซึ่งการวิ่งนำหน้ารถ F1 ภายใต้สัญญาณธงเหลือง Safety Car จะต้องใช้ความเร็วตามที่ผู้จัดการแข่งขันกำหนดไว้เท่านั้น นั่นเลยทำให้แม้รถจะมีสมรรถนะสูงเพียงใดแต่จุดประสงค์หลักของ Safety Car ไม่ได้เอามาเพื่อวิ่งเต็มสมรรถนะแต่ใช้วิ่งควบคุมความเร็วรถแข่ง F1 ในช่วงเวลาแข่งขันเและตรวจสอบสภาพแทรคช่วงก่อนแข่งขัน.อย่างไรก็ตาม F1 Safety Car ก็ไม่สามารถวิ่งช้าจนเกินไปได้ในช่วงสัญญาณธงเหลือง ยังจำเป็นต้องใช้ความเร็วอยู่พอประมาณเพื่อให้รถ F1 ยังทำความเร็วได้ในระดับหนึ่งเพื่อการรักษาอุณหภูมิยางไว้ โดยขณะที่ Safety Car วิ่งนำหน้า F1 จะใช้ความเร็วอยู่ในช่วงระหว่าง 140 - 180 km/h ส่วนทางตรงยาวในบางสนามอาจใช้ความเร็วได้เกิน 220 km/h ทำให้การวิ่งตามหลัง Safety Car ของ F1 หนึ่งรอบจะใช้เวลานานกว่าปกติประมาณ 60% แต่ก็ยังถือเป็นความเร็วพอๆ กับการแข่งขันในรถแข่งประเภท Stock Touring.คลิปความเร็ว Safety Car ขณะวิ่งนำรถแข่ง F1 ในช่วงสัญญาณธงเหลือง.ส่วนหากเป็นสัญญาณธงแดงที่เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงในสนามความเร็วรถแข่งจะถูกลดลงเหลือแค่เพียง 80 km/h เท่านั้น ทำให้ Safety Car ที่วิ่งนำขบวนก็แทบจะคลานกันเลยทีเดียว เพราะเป็นความเร็วที่ต่ำมากๆ.นอกจากนี้ Safety Car ยังออกวิ่งสำรวจสภาพแทรคก่อนเริ่มแข่งขัน หรือในสถานการณ์สภาพอากาศฝนตกหนักเพื่อตรวจเช็คว่าสามารถแข่งขันได้หรือไม่หรือต้องเลื่อนเวลาสตาร์ทเรซออกไป นั่นจึงทำให้ Safety Car มีโอกาสน้อยมากที่จะวิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ตามสมรรถนะที่แท้จริงบนแทรคแข่งขัน นอกเสียจากจะมีการ Test Drive ทดสอบสมรรถนะรถ F1 Safety Car โดยตรง.คลิปทดสอบเวลา Hot Lap ของ F1 Safety Car ที่สนามบาห์เรนปี 2021.และจากประเด็นนี้เองจึงทำให้แฟน F1 เกิดข้อสงสัยว่ารถ Safety Car ที่เราเห็นในการแข่งขันทุกสนามนั้นมีสมรรถนะแค่ไหนและสามารถทำความเร็วได้สูงสุดเท่าไหร่.จากข้อมูล Website : f1mix รถ F1 Safety Car สามารถทำความเร็วสูงสุดเฉลี่ยที่ราว 319 km/h โดย Mercedes-AMG GT Black Series ทำ Top Speed ที่ 325 km/h และมีอัตราเร่ง 0 - 100 km/h ที่ 3.2 วินาที ขณะที่ Aston Martin V8 Vantage ทำ Top Speed ได้ 314 km/h และอัตราเร่ง 0 - 100 km/h ที่ 3.5 วินาที ซึ่งทั้งตัวเลข Top Speed และอัตราเร่งที่ Safety Car ทั้งสองทำได้นั้นเป็นสมรรถนะที่เทียบเท่ากับรถแข่ง GT3 เลยทีเดียว ซึ่งเราแทบไม่มีโอกาสได้เห็นความเร็วนี้ในช่วงการถ่ายทอดสดได้เลย นอกเสียจากมีการทดสอบพิเศษนอกการถ่ายทอดสดอย่าง F1 Safey Car Hot Lap (การทดสอบความเร็วหนึ่งรอบสนาม) หรือการวิ่งทดสอบสภาพแทรคโดยรถ F1 Safety Car จะใช้การขับเน้นสมรรถนะประมาณหนึ่ง ไม่ได้ขับเต็มสมรรถนะแบบการขับ Hot Lap.คลิปการวิ่งทดสอบแทรคของ F1 Safety Car สนาม Zandvoort ประเทศเนเธอร์แลนด์.(**คนขับรถ F1 Safety Car คือนักขับ Safety Car รุ่นเก๋าชาวเยอรมัน วัย 53 ปี “Bernd Maylander” ซึ่งทำหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2000 และมีโอกาสขับนำรถแข่ง F1 มากกว่า 700 รอบ).F1 Safety Car เป็นสเปคจากโรงงานหรือมีการโมดิฟายเพิ่มสมรรถนะ ?.จริงๆ แล้วสเปครถ F1 Safety Car ถือว่ามีความโหดในระดับพวก Supercar ที่เป็น icon อยู่แล้ว ฉะนั้นขุมกำลังจึงไม่ได้รับการโมดิฟายเพิ่มแต่อย่างใด โดย Mercedes-AMG GT Black Series ใช้เครื่องยนต์ 4.0L V8 biturbo ที่มีกำลังถึง 730 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตัน เมตร กับน้ำหนักตัว 1,615 kg และ Aston Martin V8 Vantage กับเครื่องยนต์ 4.0L V8 twin-turbo กำลัง 528 แรงม้า แรงบิด 685 นิวตัวเมตร กับน้ำหนักตัว 1,705 kg ซึ่งถือว่ากำลังเหลือเฟือ แต่จะมีการปรับปรุงเฉพาะด้านอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ Safety Car อย่างตัวสปอยเลอร์ขนาดใหญ่และช่องระบายอากาศหลายจุด พร้อมจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ได้รับการปรับเปลี่ยนแบบเฉพาะเพื่อให้สามารถควบคุมบนแทรคแข่งขันได้ดียิ่งขึ้น โดย F1 Safety Car จะสร้างแรงกดได้ถึง 400 กิโลกรัม (880 ปอนด์) ที่ความเร็วสูง ซึ่งช่วยให้มันเข้าโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ระบบกันสะเทือนและพวงมาลัยยังได้รับการอัปเกรดเพิ่มขึ้นมาจากเวอร์ชั่นโรงงาน ทำให้ควบคุมรถบนสนามแข่งได้ง่ายขึ้น.จึงกล่าวได้ว่า F1 Safety Car คือรถที่ถูกสร้างมาให้แรงและเร็วพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมบนแทรคแข่งขัน แต่ว่าสามารถแสดงสมรรถนะตัวเองได้เพียงประมาณ 60% เท่านั้นในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ส่วนในการวิ่งทดสอบสภาพแทรคก่อนเริ่มแข่งขันจะใช้สมรรถนะที่ 70 - 80% และจะสามารถใช้สมรรถนะเต็มร้อยได้ก็ต้องเมื่อเป็นการตั้งใจทดสอบความเร็วช่วงนอกเวลาการถ่ายทอดสด ซึ่งเราผู้ชมอย่างเราๆ ก็ต้องไปตามหาคลิปดูกันเอง.Aston Martin Vantage F1 Safety Car in action at Bahrain.ตำแหน่ง F1 Safety นั้นต่างเป็นที่หมายปองของบรรดาแบรนด์ยักษ์ชั้นนำของโลก เพราะการที่รถสปอร์ตหรือซุปเปอร์คาร์แบรนด์นั้นๆ ได้เป็นรถ Safety Car ประจำการแข่งขันรายการใหญ่ๆ ระดับสากล มันสามารถช่วยสร้างการจดจำผ่านสื่อต่างๆ ได้ค่อนข้างเยอะและเห็นผลมากๆ ซึ่งคนดูจะจำได้ว่าเป็นรถของค่ายใด รุ่นอะไร เพราะ Safety Car เปรียบเสมือนกับผู้ควบคุมกติกาในสนามแข่งจึงทำให้ดูโด่ดเด่น มีอำนาจ และมีความขลังค์อยู่ในตัวแม้ไม่ต้องโชว์สมรรถนะวิ่งที่เต็มพิกัด เพราะแค่วิ่งช้าๆ นำขบวนรถแข่ง F1 ผ่านการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกก็ดูเท่สุดๆ แล้ว!! ซึ่งแบรนด์รถยนต์ที่ได้เป็น Safety Car ของรายการ F1 ก็มักเป็นแบรนด์ผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของรายการแข่งขันด้วยอย่าง Mercedes และ Aston Martin ที่พวกเขาจะไม่รีรอส่งรถ Supercar ดังๆ ในรุ่นที่มีชื่อเสียงของตัวเองซึ่งเน้นการทำตลาดมาเป็น Safety Car ประจำรายการ.สรุปช่วงท้ายคือ F1 Safety Car ในปัจจุบันมีอัตราเร่ง 0 - 100 km/h เฉลี่ยที่ 3.3 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดเฉลี่ยที่ 319 km/h ซึ่งเราแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็น F1 Safety Car แสดงสมรรถนะการวิ่งเต็มรูปแบบในช่วงการแข่งขันเนื่องจากต้องทำหน้าที่รักษา Limit ความเร็วให้รถแข่ง F1 ตามสถานการณ์ต่างๆ มันจึงกลายเป็นรถที่ถูกสร้างมาให้เร็ว แต่ต้องไปคุมความเร็วรถแข่ง สุดท้ายจึงขับเร็วไม่ได้ตามสมรรถนะที่มี นอกเสียจากมีการขับ Hot Lap เองในเวลานอกการแข่งขันถึงจะวิ่งเต็มสมรรถนะได้นั่นเองครับ.และทั้งหมดก็คือ อีกหนึ่งสาระในวงการ F1 ที่แอดมินนำมาแชร์เพื่อนๆ ในวันนี้ พบกันใหม่บทความหน้าครับผม
Copyright © 2023-2024 UFA7878.net All Rights Reserved. Sitemap