Quote from ufabet on พฤศจิกายน 12, 2024, 9:44 am

BYD งานเข้า! Toyota ซ่อนดาบ เปิดตัวรถไฮโดรเจนแบบเหนือคาดหลังเป็นเสือซุ่มมานาน โดย Salika

ท่ามกลางความหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ของวงการชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในรอบหลายสิบปี เมื่อ EV จีนเข้ามาบุกตลาด และขน Supply Chain มาเองทั้งหมด กระทั่งคนงาน

.

ทำให้ดูเหมือนว่า ธุรกิจไทยที่อิงอยู่กับค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเกิดความระส่ำระสายลึกๆ แม้จะไม่ออกอาการ แต่คนในวงการต่างจับสัญญาณกันได้เองถึงความวิตกกังวลในอุตสาหกรรม

.

แต่อย่าลืมว่า วงการรถยนต์ญี่ปุ่นมี “ซาโจ้” หรือพี่ใหญ่ที่ซุ่มเงียบพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อแข่งขันกับ EV ทั้งจากจีน อเมริกา หรือยุโรป “ซาโจ้” คนนั้นมีนามว่า TOYOTA

.

“ซาโจ้” เปรียบเสมือน Crouching Tiger, Hidden Dragon หรือ “ชุมนุมมังกร ซ่อนพยัคฆ์” ที่ไม่เคยปริปากแม้แต่น้อย ตั้งแต่เห็นความรุ่งเรืองของ EV จีน ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา

.

แต่ทันทีที่ “ซาโจ้” ปล่อย MIRAI รถยนต์พลังงงานไฮโดรเจน ที่วิ่งได้ไกลถึง 800 กิโลเมตร โลกยานยนต์ต้องหยุดทุกอย่าง และหันมาจับตามองการเคลื่อนไหวของพี่ใหญ่ TOYOTA

.

MIRAI ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า อนาคต สื่อนัยถึงพาหนะใหม่ซึ่งจะเข้ามาแทนที่ยานยนต์ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์สันดาปภายใน หรือ EV ถือเป็นพัฒนาการสำคัญยิ่งของ TOYOTA

.

MIRAI รุ่นแรก เปิดตัวในปี ค.ศ. 2014 โด่งดังในฐานะต้นแบบยานยนต์ พลังงานไฮโดรเจน ยานพาหนะพลังงานสะอาด เข้ากับยุคสมัยแห่งความยั่งยืน หรือ SDG, ESG, BCG

.

MIRAI รุ่นแรก มียอดจำหน่ายทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 10,000 คัน ส่วนรุ่นที่สอง หรือ FCV GEN 2 ได้มีปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์พลังงานเชื้อเพลิงให้ดีขึ้น เพื่อเพิ่มระยะการขับที่ไกลกว่า

.

MIRAI รุ่นที่สอง ถูกปรับให้ขับได้เหมือนกับรถยนต์ทั่วไป คล้าย EV แต่มีระยะทำการไกลกว่า และไม่ต้องเสียเวลาชาร์จไฟ ช่วงล่างนุ่มนวล น้ำหนักส่วนใหญ่กระจายอยู่ในระดับต่ำบริเวณกึ่งกลางรถ

....................................................................

:: การทำงานของ MIRAI รุ่นที่สอง มี 5 ขั้นตอน ::

.

1. เมื่อเติมไฮโดรเจนที่สถานีเติมเชื้อเพลิง MIRAI จะใช้ขั้นตอน และระยะเวลาในการเติมเท่ากับรถยนต์สันดาปภายใน (รถยนต์ปกติในปัจจุบันที่เติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมัน)

.

2. ไฮโดรเจนที่เติมเข้ามา จะถูกเก็บในถังแรงดันสูง 700 บาร์ ซึ่งเป็นถังเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแกร่ง และมีน้ำหนักเบา โดยชั้นในของถังเชื้อเพลิงจะบุด้วย Polyamide Resin ช่วยป้องกันการรั่วไหลของไฮโดรเจน ก่อนที่จะส่งไปยังเซลล์เชื้อเพลิงที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้า

.

3. ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ของ MIRAI ทำหน้าที่เหนี่ยวนำอ็อกซิเจนสู่เซลล์เชื้อเพลิง เมื่ออ็อกซิเจน และไฮโดรเจนผสมกัน จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า ความร้อน และน้ำ

.

4. กระแสไฟฟ้าจะถูกลำเลียงไปป้อนพลังงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 160 แรงม้า ขณะที่น้ำสะอาด ซึ่งเป็นของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาจากกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าไม่สร้างผลกระทบใดๆ ให้กับสิ่งแวดล้อม

.

5. แบตเตอรี่แบบพิเศษของ MIRAI ช่วยเสริมกำลังให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเมื่อผู้ขับกดคันเร่งอย่างรุนแรง ในช่วงความเร็วต่ำ แบตเตอรี่จะป้อนไฟเข้าสู่มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนโดยยังไม่ต้องพึ่งพาไฮโดรเจน เมื่อคนขับเหยียบเบรกหรือยกคันเร่ง ระบบ Regenerative จะเริ่มวัฏจักรของการชาร์จกระแสไฟฟ้าเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่

.....................................................................

ทั้งนี้ ไฮโดรเจนเป็นพลังงานที่มีใช้มานานแล้วกว่า 200 ปี ส่วนใหญ่ใช้ในภารกิจบนอวกาศ ในฐานะต้นกำเนิดพลังงานเชื้อเพลิงไฮโดรเจนให้กระสวยอวกาศ

.

โดยในปัจจุบัน ไฮโดรเจนถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี น้ำมัน ซึ่งคุณสมบัติสำคัญของไฮโดรเจน คือความสะอาด และช่วยลดการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะนำมาต่อยอดในภาคอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า และภาคขนส่ง

.

ในส่วนของ MIRAI นั้น โครงสร้างเครื่องยนต์ยังเป็นของเดิม แค่ปรับเปลี่ยนส่วนประกอบบางตัว และใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานในการขับเคลื่อน ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค โดยในปัจจุบัน EV สามารถวิ่งได้เฉลี่ย 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

.

หากต้องการวิ่งให้ได้ระยะทางไกลกว่านี้ ต้องเพิ่มจำนวนแบตเตอรี่ที่จะมากักเก็บพลังงาน แต่แบตเตอรี่ก็จะเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถมากขึ้น หรือระยะเวลาการเติมไฮโดรเจนที่ใช้น้อยกว่าการชาร์จประจุไฟฟ้า

.

TOYOTA MIRAIในส่วนของความปลอดภัยในการใช้ไฮโดรเจนนั้น TOYOTA ได้มีการทดสอบ และกำหนดเกณฑ์มาตรฐานที่ชัดเจนในการตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด

.

ปัญหาต่อไปคือ จุดเติมไฮโดรเจนที่ยังไม่มี หรือมีไม่มาก เช่นเดียวกับจุดชาร์จรถไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่สามารถทำจุดเติมไฮโดรเจนไว้ที่บ้านได้

.

อีกทั้งต้นทุนการเติมไฮโดรเจนในปัจจุบันยังไม่สามารถจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฮโดรเจนได้ในทันที

.

ดังนั้น บทบาทของภาครัฐจึงควรเร่งเข้ามาช่วยสนับสนุน เพื่อให้ยานยนต์พลังงานไฮโดรเจนไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และกลายเป็นทางเลือกของพลังงานสะอาดได้อย่างแท้จริงนั่นเองครับ

....................................................................

เรื่อง : ดร.จักรกฤษณ์ สิริริน

ขอบคุณบทความจาก Salika